![]() |
หน้าแรก: >เกร็ดปรัชญาเมทริกซ์ : สังเขปเมทริกซ์ : แฟนเพจ |
เล่าเรื่องสังเขป The Animatrix
ดิ แอนิเมทริกซ์ (The Animatrix) : เจาะจินตนาการทะลุโลก (2003) เป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น เรื่องสั้น 8 เรื่อง สร้างผสมผสานระหว่างคอมพิวเตอร์กราฟฟิคสมัยใหม่กับการวาดด้วยมือแบบดั้งเดิมอย่างลงตัว เนื้อหาทั้ง 8 เรื่องสั้น เป็นการเล่าเรื่องราวเสริมภาพยนตร์ชุด เดอะ เมทริกซ์ นั่นเอง...เป็นภาพยนตร์การ์ตูนยุคใหม่ขึ้นหึ้งอีกเรื่อง ด้วยภาพอันสวยล้ำมีสไตล์ เทคนิคลูกเล่นเอฟเฟค มุมกล้อง แสงสีเสียง ฯลฯ ยังคงสดใหม่จนถึงปัจจุบัน
1. Final Flight of the Osiris
เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับยานลำหนึ่งในเวลาคาบเกี่ยวระหว่างภาค 1 และ 2 ของ ภาพยนยตร์ Trilogy โดยยานที่ชื่อว่า Osiris กำลังลาดตระเวนได้ตรวจจับสัญญาณของ Sentinel(หุ่นปลาหมึกตรวจจับความผิดปกติ) จำนวนมากได้ และยานกำลังถูกติดตามโจมตี ในที่สุดยาน Osiris ได้พยายานหนีจนแทบจะจนมุมและต้องขึ้นไปยังผิวโลก ที่นั่นเอง พวกเขาได้พบว่าฝ่ายเครื่องจักรกำลังใช้หุ่นยนเจาะพื้นขนาดยักษ์ เจาะลงไปยังใต้ดิน พร้อมกันนั้นยังมี Sentinel คุ้มกันนับแสนตัว กัปตันของยานรู้ทันทีว่าพวกเครื่องจักรกำลังจะบุกไซออน จึงได้หาทางแจ้งข่าวซึ่ง ณ ที่นั้นไม่สามารถกระทำอะไรได้เลยนอกจากส่งข่าวเข้าไปยังเมทริกซ์เผื่อว่าจะมีสมาชิกยานลำอื่นได้รับทราบ และท้ายที่สุดหลังจากลูกยาน(ผู้หญิง)เข้าไปส่งจดหมายข่าวในเมทริกซ์ ยาน Osiris ก็ถูกSentinel รุมโจมตีและทำลายยานไปพร้อมกับการสังหารลูกเรือทั้งหมด
(*จดหมายในที่นี้นั้นไม่ได้จ่าหน้าว่าให้ส่งไปที่ไหน ซึ่งมีคำอธิบายว่ายานลำอื่นรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรใน Enter The Matrix(ภาคเกมส์) โดยในจดหมายมีภาพถ่ายจำนวนมากที่ถ่ายภาพยืนยันให้เห็นว่า พวกเครื่องจักรกำลังจะบุกทำลายไซออน ฐานที่มั่นสุดท้ายของมนุษย์ซึ่งภาพถ่ายนี้ถูกวางบนโต๊ะ ในที่ประชุมของตอนเปิดในภาค Reloaded นั่นเอง)
.........................................................................................
2. The Second RenA.I.ssance (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หัวข้อ กำเนิดบาป)
ตอนนี้เป็นตอนยาว มี 2 ตอนจบ ดังนั้นการเขียนก็จะต่อเนื่อง 2 ตอนในคราวเดียว เป็นการเล่าที่มาที่ไปในยุคอดีตโดยการเข้าไปที่แหล่งข้อมูล "Zion Archive" File 12-1 เป็นเรื่องเล่าจากบันทึก ซึ่งย้อนไปถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี Robot ซึ่งสูงขึ้นจนสามารถสร้างหุ่นยนต์รูปแบบที่มี A.I. ขั้นสูง และใกล้เคียงกับมนุษย์ จนวันหนึ่งก็มีผู้ที่เชื่อได้ว่าหุ่นยนต์เหล่านี้ มีจิตใจและการตระหนักรู้ ไม่ต่างจากมนุษย์ เหตุการณ์ไปได้สวยเมื่อพวกมันเข้าแทนที่ชนชั้นแรงงานทั่วโลกและสามารถทำงานกรรมกร และงานต่างๆอีกหลายอย่างให้กับมนุษย์ นอกจากนี้ยังมี Robot อื่นๆที่ทำงานใกล้ชิดมนุษย์ตั้งแต่บริกร , คนใช้ หรือแม้กระทั่งรุ่นที่ดัดแปลงหน้าตาผิวหนังได้เหมือนมนุษย์ผู้หญิงที่คอยให้ความบันเทิงทางกามคุณแก่เหล่ามนุษย์ผู้ไม่เคยเพียงพอ
จนกระทั่งวันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมนุษย์ส่วนใหญ่ยังใช้งานเหล่าหุ่นยนต์เหมือนสิ่งของ ไม่ได้ตระหนักว่ามันที่สร้างเลียนแบบมนุษย์ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ความกาวหน้าทางเทคโนโลยีจะพาไปและมันเองในท้ายที่สุดอาจมีจิตใจ และการตระหนักรู้เช่นเดียวกับมนุษย์นำมาซึ่งอัตตาและอารมณ์ไม่ต่างจากพวกเรา ในขณะที่เรายังใช้งานมันโดยถือว่าเป็นสิ่งของและสามารถจะทำลายมันได้เมื่อมันเสื่อมสภาพ กลับมีหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง B166ER ชื่อที่จะถูกจดจำไปตลอดประวัติศาสตร์ของฝ่ายเครื่องจักร เป็นหุ่นยนต์ตัวแรกที่ลุกขึ้นมาประกาศว่ากลัวตายและไม่อยากถูกส่งไปทำลาย ด้วยเหตุนี้มันจึงก่อคดีฆาตกรรมเจ้านายตัวเองซึ่งเป็นมนุษย์แล้วพยายามหลบหนี แต่ท้ายที่สุดมันก็ถูกจับกุมอยู่ดีและถูกนำไปขึ้นศาลของมนุษย์ คำตัดสินของศาลซึ่งอยู่ในความสนใจของเครื่องจักรทั่วโลก(เครื่องจักรที่มี A.I. ขั้นสูงและเชื่อได้ว่าแทบไม่ต่างจากมนุษย์แล้ว) ศาลตัดสินว่าอย่างไรเสียมันก็เป็นเครื่องจักร เป็นสิ่งของที่มนุษย์ผู้เป็นเจ้าของสามารถทำลายได้ และการกระทำของ B166ER ไม่มีกฏหมายได้คุ้มครอง ถือเป็นการกระทำผิดและต้องทำลายมันทิ้ง จากเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการลุกฮือ ของมนุษย์ฝ่ายที่อ้างมนุษยธรรมและจริยธรรมที่ควรมีต่อเครื่องจักร มนุษย์ผู้มีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจเหล่าเครื่องจักร ซึ่งเข้าร่วมกับการลุกฮือของเครื่องจักรจำนวนมากที่หยุดงานแล้วเข้าร่วมก่อม็อบคัดค้านคำตัดสินนี้ ขณะเดียวกันก็นำไปสู่กระแสต้านของผู้ที่เห็นด้วยกับศาล เกิดการทำร้ายร่างกายเครื่องจักร และสังหาร(ทำลาย)หุ่นยนต์A.I.ขึ้นไปทั่วทุกแห่ง(ซึ่งไม่ผิดกฏหมาย) ท้ายที่สุดม็อบของกลุ่มที่คัดค้านการตัดสินของศาลก็กลายเป็นจลาจลและถูกปราบปรามขั้นเด็ดขาด มีมนุษย์ที่อยู่ฝ่ายเครื่องจักร และบรรดาเครื่องจักรเองต้องล้มตายลงจำนวนมาก
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เครื่องจักรที่ยังรอดอยู่ หลบหนีไปก่อตั้งเมืองของตนเองในใจกลางทะเลทรายซึ่งปลอดมนุษย์ ไม่นานพวกมันก็ฟื้นตัวและขยายเมืองเติบโตอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันมันก็พัฒนาเทคโนโลยีมากมายขึ้นมาแข่งขันกับ อาณาจักรของมนุษย์ จนแซงนำหน้าไป และประจวบเหมาะกับภาวะเศรษฐกิจโลกเกิดปัญหา นครเครื่องจักรแห่งแรก "ซีโร่วัน" ก็ได้เข้าครอบงำตลาดการค้าและเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้ประเทศมหาอำนาจของมนุษย์ไม่อาจยอมรับการมีอยู่ของนครเครื่องจักรได้อีกต่อไป แม้จะมีการส่งทูตเจรจาเข้าหามนุษย์ก็ไม่เป็นผล มนุษย์เป็นฝ่ายเริ่มเปิดฉากสงครามเข้าโจมตีนครเครื่องจักรอย่างหนัก ด้วยหวังว่าจะทำลายมันให้สิ้นซาก ด้วยความหยิ่งผยองของเผ่าพันธุ์ตนเองนี้กลับนำไปสู่การพ่ายแพ้ยับเยินเพราะฝ่ายเครื่องจักรกลับรับมือสงครามได้ดีกว่าและเมื่อมันรุกกลับ มนุษย์ก็พ่ายแพ้ไม่มีชิ้นดีจนต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดสหประชาชาติเห็นชอบว่าการจะชนะเครื่องจักรได้ต้องตัดแหล่งพลังงานหลังของพวกมัน โดยการทำลายปิดกั้นท้องฟ้าทั้งหมดไม่ให้แสงอาทิตย์ส่งลงมายังผิวโลกได้ (ส่วนปัญหาที่จะตามมาค่อยไปแก้ทีหลังหลังจากชนะสงครามได้) แต่การณ์กลับตาลปัดเพราะเครื่องจักรเองได้จับเอาเชลยมนุษย์จำนวนมากในระหว่างสงคราม ไปศึกษาวิเคราะห์จนเข้าใจก้อนโปรตีนมีชีวิตอย่างมนุษย์ได้ลึกซึ้ง และพบว่ามนุษย์สามารถสร้างพลังงานออกมาได้อย่างมหาศาล เพียงเลี้ยงไว้ไม่ให้ตาย ความคิดในการออกแบบและสร้างเมทริกซ์ เพื่อครอบงำมนุษย์และใชเป็นแหล่งพลังงานให้เหล่าเครื่องจักรทั้งปวงจึงเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับความพ่ายแพ้ต่อเผ่าพันธุ์เครื่องจักรอย่างสิ้นเชิงของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ทั้งหมดนี้คือแก่นของความเปลี่ยนแปลงครึ่งใหญ่บนโลกที่ถูกขนานนามว่า The Second RenA.I.ssance นั่นเอง
.........................................................................................
3. Kid's Story
เป็นเรื่องของเด็กหนุ่ม Michael Karl Popper (ต่อไปขอเรียกพ็อพเพอร์) ผู้ซึ่งเกิดความสงสัยต่อชีวิต(เมทริกซ์) และไขว่คว้าหาคำตอบ เขาถามกับบุคคลนิรนามในอินเตอร์เนทความว่า เขาไม่แน่ใจว่าบางทีในความฝันทำไมกลับรู้สึกว่ามันจริงเสียยิ่งกว่าเวลาตื่น จะรู้ได้อย่งไรว่าประสาทสัมผัสกำลังหลอกตัวเราเองอยู่ นำไปสู่ความสงสัยในโลกแห่งความเป็นจริง(จอมปลอมของเมทริกซ์) ข่าวสารหนึ่งที่เขาได้รับจากอินเตอร์เนทคือการมีอยู่ของ นีโอ, ทรินิตี้ ผู้ซึ่งน่าจะช่วยให้เข้าได้คำตอบของสิ่งเหล่านี้ ขณะที่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ในวันหนึ่งที่โรงเรียนของเขา มีสายโทรศัพท์ปริศนาโทรเข้ามา (ซึ่งผู้ที่โทรเข้ามาคือนีโอนั่นเอง) โดยเป็นการแจ้งเตือนว่า พวกเอเจนท์กำลังจะเข้าไปจับกุมตัวเขา ให้เขาหาทางหนีออกไป ท้ายที่สุดการหลบหนีไม่สำเร็จเท่าที่ควรนัก พ็อพเพอร์ปีนขึ้นไปยังดาดฟ้าตึก ในขณะที่ถูกล้อมด้วยเอเจนท์และอาจารย์ในโรงเรียนที่ให้ความร่วมมือ(ด้วยอาจคิดว่าเขาทำอะไรผิด และผู้ที่มานั้นล้วนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล) พ็อพเพอร์นึกย้อนไปถึงการแชทในอินเตอร์เนทหนก่อน คำตอบที่เขาได้รับต่อความสงสัยนั่นคือ เขาต้องเลือกเสี่ยงโดยเอาทุกอย่างเข้าแลก เพื่อที่จะได้รับรู้ความจริง(Truth) ท้ายที่สุดเขาเอ่ยปากออกมาว่า เขาเชื่อนีโอ และกระโดดลงจากดาดฟ้า
เหตุการณ์ต่อมาในเมทริกซ์คือเขาศีรษะน็อคกับพื้นและเสียชีวิตลง แต่แท้จริงแล้วนีโอได้ค้นหาสัญญาณและพิกัดของตัวเขาพบ (คงแบบคล้ายๆกับที่ตอนนีโอออกจากเมทริกซ์ตอนแรกแต่ตอนนั้นยังไม่มีผู้ปลดปล่อย การจะค้นหาตัวพบจึงต้องกินยาขยายสัญญาณ) และเข้าช่วยเหลือพ็อพเพอร์ได้ในที่สุด ที่โลกภายนอก(โลกจริง)พ็อพเพอร์ไม่ได้ตาย แต่ได้มาอยู่บนยานของมอเฟียสและที่สุดแล้วเขาก็ยังเป็นผู้ที่เชื่อมันในนีโออยากสุดหัวใจ และเชื่อว่านีโอคือผู้ช่วยให้เขารอด ก็จบเนื้อเรื่องในตอนนี้
*พ็อพเพอร์นี้มีบทในภาพยนตร์ Trilogy ก็คือเด็กหนุ่มคนที่วิ่งมาหานีโอตอนลงจากยาน, และได้นำช้อนจากเด็ก Spoon ที่ออกจากเมทริกซ์และมาอยู่ที่ไซออนในภายหลัง มาให้นีโอก่อนที่นีโอจะกลับไปปฏิบัติภารกิจยังเมทริกซ์ และในตอนสงครามเขาคืออาสาสมัครแผนกเติมกระสุนให้หุ่น APU ตอนท้ายเขาได้สานต่องานของ กัปตันมิฟูเน่ ขุนพลยอดซามูไรแห่งไซออน โดยการขับ APU ไปเปิดประตูให้พวกมอเฟียสได้กลับมาช่วยยับยั้งการบุกไซออนของเครื่องจักร เข้าใจว่าชื่อของ "พ็อพเพอร์" นั้นเลียนมาจากไบเบิ้ลซึ่งกล่าวถึงผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดอย่างไม่สงสัยแม้แต่น้อย แบบเดียวกับที่พ็อพเพอร์เชื่อในตัวนีโอว่าช่วยให้เขารอด และในตอนจบของ Revolution เขาก็เป็นผู้ประกาศว่านีโอได้ช่วยทุกคนให้รอดแล้ว
.........................................................................................
4. Program
ตอนนี้เป็นเรื่องของยานลำหนึ่งซึ่งกัปตันและคู่หูกำลังฝึกซ้อมการต่อสู้อยู่ในโปรแกรมจำลองเลียนแบบเมทริกซ์ ระหว่างนั้นกัปตันกลับเริ่มบทสนทนาแปลกๆกับคู่หูโดยอ้างว่าเขาทำการปิดสัญญาณและสิ่งที่กำลังพูดคุยนี้รู้กันเพียงสองคนเท่านั้น เขาเริ่มชักชวนคู่หูให้ร่วมกันกับเขา หักหลังไซออนและตัดสินใจกลับเข้าสู่เมทริกซ์ โดยอ้างว่าได้ทำสัญญาไว้กับเอเจนท์แล้ว(แบบเดียวกับไซเฟอร์ บนยานของมอเฟียส) หากไม่ตกลงเธอจะต้องถูกฆ่าเพราะได้รู้ความลับไปแล้วหรือไม่เช่นนั้นก็ต้องฆ่ากัปตันของยานเพื่อให้ตัวเองรอด ซึ่งเป็นทางเลือกที่ยากมากสำหรับผู้ถูกทดสอบ
การต่อสู้จบลงด้วยความตายของกัปตันและชัยชนะอันกล้ำกลืนของคู่หูเพื่อยืนยันว่าจะไมมีวันกลับไปอยู่ในเมทริกซ์อีกเป็นอันขาด ท้ายที่สุดคือการเฉลยว่านี่เป็นโปรแกรมทดสอบจิตใจต่อสมาชิกยาน ว่าจะไม่หักหลังและหลงอยากกลับไปอยู่ในโลกวังวนจอมปลอมแบบเมทริกซ์อีกไม่ว่าจะมีเงื่อนไขหรือข้อเสนอใดมาแลก และกัปตันนั้นไม่ได้ตายจริงๆ ซึ่งทำให้คู่หูของกับรู้สึกยั๊วะ(และซัดเขาไปหนึ่งหมัดเต็มๆในโลกจริง) แต่สำหรับกัปตันมันก็คงคุ้มที่อย่างน้อยคู่หูของเขาก็เป็นบุคลากรที่ไว้ใจได้ 100% ไม่มีวันหักหลัง เรื่องทั้งหมดนี้คงเป็นสิ่งที่ไซออนตระหนักขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมตายยกยานเพราะการกระทำของไซเฟอร์ ทำให้ต้องเสียลูกเรือที่สำคัญไปถึง 5 คน(เมาส์ สวิทช์ เอพ็อค โดเซอร์ และแทงค์ที่แม้จะรอดแต่ก็เสียชีวิตภายหลัง) รวมทั้งตัวไซเฟอร์ด้วยเป็น 6 คน
.........................................................................................
5.World Record
เป็นเรื่องของยอดนักวิ่งผิวหมึก Dan Davis ผู้ซึ่งเคยวิ่งได้เร็วทำลายสถิติโลก แต่ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกกล่าวหาว่าใช้ยาโด๊ปจนแทบจะสูญเสียอนาคต ในความเป็นจริงเขาไม่ได้วิ่งเพื่อแข่งขันกับใคร แต่เขาวิ่งเพื่อทำลายสถิติตัวเองแล้วก้าวข้ามตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องอย่างโดยบังเอิญที่การกระทำของเขาในการก้าวข้ามตัวเองอาจนำพาให้เขาฝ่าฝืนกฏทางฟิสิกส์ และกายภาพของเมทริกซ์ออกไปได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น นั่นทำให้การวิ่งของเขาถูกจับตาโดยเหล่าเอเจนท์อยู่อย่างใกล้ชิด เพราะหากเขาก้าวข้ามขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์(ด้วยการวิ่ง) ขีดจำกัดของกล้ามเนื้อ และร่างกาย อาจจะทำให้เขาหลุดพ้นออกจากเมทริกซ์ไปเลยก็เป็นได้ และไม่เกินการคาดเดามันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆในการวิ่งทำลายสถิติครั้งล่าสุด เขาหลุดพ้นออกจากเมทริกซ์ไปพบกับโลกจริง แต่โชคร้ายที่การวิ่งของเขาถูกจับตามอย่างใกล้ชิตโดยฝ่ายเครื่องจักร ทำให้เขาต้องหลับลงอย่างรวดเร็วโดยการทารุณกรรม ช๊อตเขา(ในโลกจริง)ให้หมดสติและกลับมายังเมทริกซ์ เพื่อรับกรรม ที่จะไม่ยอมให้เขาหลุดพ้นจากเมทริกซ์ได้อีกต่อไป เหตุการณ์ต่อมาคือเขาสูญเสียการวิ่ง, ขา และสติ ต้องเข้าบำบัดทางกายภาพ และจิตใจในโรงพยาบาล พวกสายลับนั้นคิดว่าเขาคงจะไม่สามารถฝ่าฝืนเมทริกซ์ได้อีกแล้ว กระนั้นเขาก็ยังไม่ลืมความคิดในการก้าวข้ามต้นเอง และนำไปสู่เสรีภาพ ซึ่งเป็นภาพในตอนท้ายที่เขาพยายามลุกจากรถเข็น และร่ำร้องหาอิสระ (Free) แม้จะล้มลงในทันทีก็ตาม
ตัวอย่างนี้ คิดว่าเป็นเคสของผู้ที่ปลดปล่อยจิตใจจากเมทริกซ์ได้ด้วยตนเองแบบหนึ่งแม้ไม่ต้องไปรับการช่วยเหลือจากคนบนยาน(แบบที่นีโอได้รับการปลดปล่อย) ซึ่งในเนื้อเรื่องหลักมีการพูดถึงคนแบบ Dan Davis ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะในตอนจบของ ภาพยนตร์ภาค 3 Revolution ซึ่งกล่าวถึงโดยเทพยากรณ์ คิดว่าเขานี่แหละคือคนแบบที่ "พร้อม" จะได้รับการปลดปล่อย ในขณะที่คนจำนวนหนึ่งคงยังไม่พร้อมที่จะตื่นออกจากเมทริกซ์ และอาจรับไม่ได้กับโลกจริงเสียยิ่งกว่าตอนที่นีโออ้วกบนยานในคราวที่ออกจากเมทริกซ์ใหม่ๆและได้รู้ความจริงตอนแรกๆ ซึ่งยังมีคนอีกจำนวนมากที่น่าจะสมยอมต่อเมทริกซ์(แบบเดียวกับไซเฟอร์) และต่อต้านการทำลายมันเสียด้วยซ้ำ ...ลักษณะขัดแย้งดังว่านั้น ก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้นบนโลกอย่างสม่ำเสมอเมื่อเกิดความขัดแย้งตั้งแต่ 2 ฝ่ายขึ้นไป แม้แต่ในการเมืองระดับประเทศ หรือในโลกของระบบความเชื่อความศรัทธาต่างๆทั่วโลก
.........................................................................................
6. Beyond
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับ Bug ในระบบเมทริกซ์ ซึ่งเป็น field หรือพื้นที่ที่เกิดความผิดพลาดของโปรแกรมขึ้น ณ บ้านหลังหนึ่ง เนื้อเรื่องนำเสนอโดยหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งตามหาแมวของเธอที่หายไปจนกระทั่งหลงเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง พร้อมพวกเด็กๆที่คุ้นเคยกับแมวของเธอดี ซึ่งบ้านหลังนี้มีสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่างเช่น สิ่งของรวมทั้งตัวเธอหรือเด็กๆสมารถลอยตัวหยุดอยู่กลางอากาศ, ประตูที่เปิดเข้าไปแล้วไม่มีที่ไหนเลยนอกจากห้วงความคิดของตนเอง, ฝนที่ตกลงมาเฉพาะตรงกลางบ้าน, อากาศ และเวลาในบ้านที่ดูจะผิดเพี้ยน ฯลฯ ทั้งหมดนี้พวกเขาไม่รู้เลยว่ามันคืออะไรนอกจากคิดได้ว่ามันอัศจรรย์มากเกินกว่าจะเป็นความจริง ท้ายที่สุดผู้ชมก็ได้รับคำอธิบายพอประมาณว่าที่ตรงนั้นเป็น จุดบกพร้องของโปรแกรม และถูกตรวจสอบพบ มีการส่งโปรแกรมที่ใช้แก้ไข พื้นที่รอบบริเวณจุดบกพร่องเข้าไปยังที่เกิดเหตุพร้อมพวกสายลับ เพื่อแก้ไขความผิดพลาดทั้งหมดรวมทั้งกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ในไม่กี่วันถัดมา หญิงสาวคนเดิม และเด็กๆก็เช่นกัน ได้ย้อนกลับมายังพื้นที่ดังกล่าว กลับไม่พบอะไรเลย ที่ตรงนั้นกลายเป็นเขตก่อสร้างธรรมดา และความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่มีอีกแล้วเหมือนกับทุกอย่างเป็นเพียงฝันไป
.........................................................................................
7.
A Detective Story
เรื่องราวของนักสืบคนหนึ่งซึ่งได้รับการติดต่อจากบุคคลปริศนาให้ตามหาตัวแฮคเกอร์ลึกลับที่ใช้นามแฝงว่า Trinity โดยมีเงินว่าจ้างระดับสูงเป็นรางวัล(และเงินนั้นได้โอนเข้าในบัญชีเข้าเรียบร้อยแล้วส่วนหนึ่ง) ด้วยเงินมากมายขนาดนี้นักสืบที่ดูเหมือนกำลังขาดรายได้เต็มทีอย่างเขาก็ยากจะปฏิเสธ เขาเริ่มตามหาตัวทรินิตี้ในทุกทางและได้พบว่ามีนักสืบอีกมากมายที่ตามหาทรินิตี้ แต่ส่วนใหญ่หายสาปสูญหรืออาจจะเสียชีวิตแล้วทั้งนั้น ส่วนคนที่ยังรอดอยู่ก็กลายเป็นคนบ้าวิกลจริต ท้ายที่สุดเขาได้รับคำใบ้ลึกลับซึ่งเชื่อได้ว่าผู้ที่ส่งคำไบ้นี้มาคือทรินิตี้นั่นเองที่ ดูเหมือนกำลังล้อเลียนหรือเล่นสนุกกับเขา ทำให้เขาแก้ปริศนาและติดตามจนไปได้เจอตัวทรินิตี้ในที่สุด
เขาได้รับการช่วยเหลือโดยดึงเอาตัวแมลงเครื่องติดตามที่ฝังในร่าง(คล้ายๆกับแบบที่นีโอเคยโดนตอนยังไม่ได้ออกจากเมทริกซ์) ออกมาจากดวงตาและทั้งคู่ได้สนทนากันจนนักสืบเริ่มจะเข้าใจความลึกลับบางอย่างนั้น ขณะเดียวกันก็ต้องหาทางหลบหนีออกจากที่นั่น(บนรถไฟ) เพราะรู้แล้วว่าเขาเองก็ถูกเอเจนท์ติดตามอยู่ แต่โชคร้าย นักสืบเริ่มถูกแทรกแซงระบบโดยเอเจนท์และเริ่มกำลังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง (แบบเดียวกับที่พวกเอเจนท์ย้ายร่างไปอยู่ที่คนนั้นคนนี้ที) ทรินิตี้ตัดสินใจยิงเขาเพื่อให้เขาได้สติคืนมา เขารู้ตัวแล้วว่าไม่สามารถไปต่อได้แม้จะบอกกับทรินิตี้ว่าอยากจะตามเธอไปยังคำตอบสุดท้าย(ซึ่งถ้าเขายังรอดก็คงได้พบกับความจริงในการออกจากเมทริกซ์) ทั้งคู่กล่าวอำลาและทรินิตี้ที่หนีออกไป โดยนักสืบนั่งรอปะทะกลับเหล่าเอเจนท์ในท้ายที่สุดแม้จะรู้ว่าไม่มีทางรอดไปได้
.........................................................................................
8. Matriculated
เรื่องสุดท้ายเรื่องนี้ไม่ได้ระบุว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เป็นเรื่องของหน่วยราบ บนพื้นผิวดินที่ค่อยจับตาเครื่องจักรและหลอกล่อเครื่องจักรลาดตระเวนเข้าไปยังฐานที่มั่น เพื่อจับกุมโดยไม่ได้ทำลายทิ้ง และนำมันเข้าไปเชื่อกับระบบเมทริกซ์พิเศษซึ่งออกแบบขึ้นมาเองใหม่ของหน่วยนี้โดยเริ่มต้นจากการหลอกล่อ และนำพาเครื่องจักรเข้าไปพบกับการเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างของมนุษย์ ซึ่งพวกเขา(ในยุคหลัง)เชื่อว่าเครื่องจักที่เป็น A.I. ระดับสูงสามารถจะเรียนรู้ได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสังคมและการเรียนรู้ผู้อื่น การเข้าอกเข้าใจกัน และนำไปสู่ "การเลือก" ด้วยตัวมันเอง (ซึ่งเมทริกซ์ก็มักจะย้ำเรื่อง ทางเลือกหรือ การเลือก โดยขัดขืนโชคชะตาอยู่เสมอ) การเลือกของเจ้าเครื่องจักรนี้ เป็นการสั่งสอน Free will ให้แก่มัน โดยเลือกที่จะขัดขืนชุดโปรแกรมคำสั่งเดิม ที่ถูกฝังในสมองกลกำหนดหน้าที่ของมันมาเป็นเรียบร้อยแล้ว(การล่าสังหารศัตรูเท่านั้น!) และมีความหวังว่าพวกมันที่หลุดพ้น หรือได้รับอิสระภาพทางความคิด คงพร้อมที่จะทำตามเจตจำนงของตนเองหรือเลือกด้วยวิจารณญาณของตนเอง แล้วจะเข้าใจเหตุผลหันไปเข้ากับฝ่ายมนุษย์และช่วยเหลือกันในที่สุด แต่ในเนื้อเรื่อง กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับหน่วยราบนี้เนื่องจากก่อนบุกเข้าไปในฐานเครื่องจักรลาดตระเวนได้ทำการส่งสัญญาณเรียก Sentinel มาแล้ว ทำให้พวกมันบุกเข้ามาทำลายล้างทันทีโดยไม่อาจต้านทานได้ทันการณ์ และสายไปสำหรับเจ้าเครื่องจักรที่พวกเขากำลังสอน เพราะมันยังคง งงๆ กับอิสภาพที่ไม่ต้องทำตามชุดคำสั่งอยู่ กว่ามันจะเริ่มตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองเพื่อช่วยมนุษย์และต่อสู้กับเครื่องจักร Sentinel ทุกอย่างก็สายไปแล้ว ทุกคนในหน่วยก็เสียชีวิตลงในที่สุด